เจ้าจอมสุวัทนา ในรัชกาลที่ ๖
        ต่อมาระหว่างวันที่ ๒๑ กันยายน ถึง ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๗ พระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสสิงคโปร์และแหลมมลายูเพื่อเป็น
การเจริญทางพระราชไมตรี การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมสุวัทนา
โดยเสด็จพระราชดำเนินด้วย และได้มีโอกาสร่วมงานอุทยานสโมสร เช่น ที่จวน
ผู้สำเร็จราชการแคว้นสเตรดส์เสตเติลแมนตส์ และจวนเลขาธิการใหญ่สหรัฐมลายา
อีกทั้งได้ร่วมโต๊ะเสวยในการถวายเลี้ยงพระกระยาหารในวาระต่างๆ โดยสุลต่าน
รัฐยะโฮร์ และสุลต่านรัฐเประ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว ณ วัดจีนอายะฮิตำ เมืองปีนัง
ซึ่งเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จพระราชดำเนินไป
ทอดพระเนตรคราวเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ ๒ เมื่อพ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังโปรดเกล้าฯให้เจ้าจอมสุวัทนา ลงนาม
ในสมุดเยี่ยมหน้าที่ทรงลงพระปรมาภิไธยในระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนิน
กลับกรุงเทพมหานคร ทรงแวะประทับแรม ณ จังหวัดสงขลา โดยประทับ ณ
ตำหนักเขาน้อยของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวง
ลพบุรีราเมศวร์ ณ ที่นั้นได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์
รัชกาลที่ ๖ ชั้นที่ ๑ แก่เจ้าจอมสุวัทนาด้วยทรงพอพระราชหฤทัยในการที่ได้
ปฏิบัติกิจตามเสด็จได้อย่างเหมาะสม
        พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
เจ้าจอมสุวัทนา ได้ตามเสด็จไปในการทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ อยู่
เนืองๆ ตัวอย่างเช่น ในวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๗ ได้เสด็จพระราชดำเนิน
พร้อมด้วยเจ้าจอมสุวัทนาไปในงานเต้นรำของกระทรวงการต่างประเทศที่
ได้จัดขึ้น ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในโอกาสเฉลิม
พระชนมพรรษา จากนั้น อีก ๓ วัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตามเสด็จ
ไปในการทอดพระเนตรการกีฬาของเสือป่าซึ่งคณะเสือป่าจัดขึ้น ณ ราชตฤ
ณมัยสมาคม และแม้ในยามเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปทอด
พระเนตรการซ้อมรบของเสือป่า ณ สถานที่ต่างๆ เจ้าจอมสุวัทนาก็ได้ตามเสด็จ
ไปด้วย ดังตัวอย่างจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗
ได้บันทึกไว้ว่า
        “เวลา ๔.๐๐ ล.ท. ทรงรถยนตร์พระที่นั่งพร้อมด้วยเจ้าจอมสุวัทนา เสด็จ
จากพระที่นั่งบรมพิมานมาประทับเรือยนตร์พระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ที่ท่าราช
วรดิฐ ไปเสด็จขึ้นที่สถานีรถไฟบางกอกน้อยในที่นี้มีเจ้านายข้าราชการมาคอย
เฝ้าส่งเสด็จเป็นอันมาก เวลา ๔.๓๐ ล.ท. เสด็จขึ้นประทับรถไฟพระที่นั่งๆ
ออกจากสถานี เวลา ๕.๓๐ ล.ท. ถึงสถานีนครปฐม มีข้าราชการมาคอยเฝ้า
รับเสด็จพร้อมด้วยทหารบกราบ ๑๒ นักเรียนนายร้อยตำรวจกับเสือป่าราบ
ตะวันตกและลูกเสือตั้งแถวรายทางรับเสด็จ เสด็จลงจากรถไฟ พระยาสุนทรบุรี
สมุหเทศาทูลเกล้าฯ ถวายพระแสงราชสาตรา ทรงรับและให้มหาดเล็กเชิญแล้ว
ประทับรถยนตร์พระที่นั่งพร้อมด้วยเจ้าจอมสุวัทนา เสด็จขึ้นไปบนองค์
พระปฐมเจดีย์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว เวลา ๖.๐๐ ล.ท.
เสด็จมาประทับแรมที่พระที่นั่งพิมานปฐม พระราชวังสนามจันทร์”
        การเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังสนามจันทร์ในครั้งนั้น
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการซ้อมรบเสือป่าที่ค่ายหลวงบ้านโป่ง
จังหวัดราชบุรี ทั้งนี้ เจ้าจอมสุวัทนามิได้ตามเสด็จไปในกระบวนแต่วันรุ่งขึ้นก็
ได้เดินทางตามลงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ จังหวัดราชบุรี โดยพระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนิน
มาทรงรับถึงสถานีรถไฟบ้านโป่ง
        วันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับแรมที่พระราชนิเวศน์มฤค
ทายวัน จังหวัดเพชรบุรี ครั้นถึงวันที่ ๑๕ เมษายน อันตรงกับวันเกิดครบ ๒๐ ปี
บริบูรณ์ของเจ้าจอมสุวัทนา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการทรงบำเพ็ญ
พระราชกุศลพระราชทาน ณ พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ พระสงฆ์ ๑๐ รูป
มีสมเด็จพระพุฒาจารย์เจ้าคณะปักษหนใต้เป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์
มีพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่เสด็จมาทรงร่วมงาน อาทิ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ
เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ (พระอิสริยยศขณะนั้น) เป็นต้น ในวาระนั้น ได้ทรง
หลั่งทักษิโณทกลงเหนือหลังเต่าตนุ แล้วโปรดให้ปล่อยเป็นพระราชอภัยทาน
อีกทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์หนังสือพระราชนิพนธ์บทเสภาเรื่อง
พระยาราชวังสันกับสามัคคีเสวกสำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาร่วมงาน
        ในตอนค่ำของวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำลักษณะโต๊ะฝรั่ง ณ หอเสวยพระที่นั่งสมุทร
พิมานเสร็จการพระราชทานเลี้ยงแล้วมีละครบรรดาศักดิ์แสดงละครดึกดำบรรพ์
เรื่อง “ท้าวแสนปม” ซึ่งเป็นบทละครพระราชนิพนธ์
        ในการแสดงละครคืนนั้น โปรดเกล้าฯ ให้จัดยกพื้นสำหรับเจ้าจอมสุวัทนา
นั่งหน้าเวทีแสดงละคร ณ พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ โดยมีต้นไม้พุ่มเรียงราย
ล้อมรอบเจ้าจอม
        อนึ่ง ในวาระที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานในตอนเช้า พระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานบทพระราชนิพนธ์พระราชทานพร
แก่เจ้าจอมสุวัทนา ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ๒ สำนวน เป็นคำกลอนฉบับหนึ่ง
ความดังนี้

          ขอเดชะคุณแห่งพระตรัยรัตน์   คุ้มสุวัทนาเฉลิมศรี
     โปรดบันดาลสารพัดสวัสดี            พร้อมพระพรทั้งสี่ทวีคูณ
     ขออายุยืนไปและไร้โรค                เสริมโศลกโชคดีอย่ามีสูญ
     ขอวรรณะเรืองรองผ่องไพบูลย์      เหมือนแสงสูรย์ส่องงามยามอุทัย
     ขอสุขจงยงอยู่มิรู้วาย                  โศกสลายทุกขาอย่ากรายใกล้
     ขอพลังพรั่งพร้อมประนอมใน       กายและใจร่าเริงบรรเทิงดี
     ยศจงมียิ่งยวดอย่าชวดยศ            ศรีสง่าปรากฏอย่าหมดศรี 
     เกียรติคุณเผยแผ่แพร่เกียรตี          เจริญถ้วนมวลทวีเจริญเทอญ

และเป็นคำฉันท์อีกฉบับหนึ่ง ความว่า
          ถึงวันวิเศษะศุภมัง-               คะละวารชาตา
      อวยพร ณ แม่สุวะทะนา              ปิยะยอดสุนารี
      ด้วยเดชะคุณรตนะไตรย์             อุปะการะโฉมศรี
      ขอจงเจริญศุภะสุขี                    บ่ มิเสื่อม ณ วันใด
      ขออายุยง ณ ศตะพรร-              ษะและทุกข์นิราศไกล
      อีกปลอด บ่ พบประทุษะภัย         และสราญ ณ กายา
      กิจใดประสงคะจะประดิษ-         ฐะก็สิทธิเถิดหนา
      การใดจำนงก็ บ่ มิช้า                และสำเร็จเถอะสมปอง
      ขอลาภะหลั่งประดุจะธาร          นทิท้นถนัดนอง
      ขอยศและเกียรติคุณะผอง          ทวินิจจะเนืองนันท์ฯ
        ขณะที่ประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ระหว่างวันที่ ๑๒ เมษายน
ถึงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๔๖๘ เป็นเวลา ๒ เดือนเศษนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ
เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมสุวัทนาพำนักในที่รโหฐานที่
เคยเป็นพระที่นั่งที่ประทับเดิมในเขตฝ่ายหน้าซึ่งเป็นหมู่พระที่นั่งที่มีระเบียงสูง
เสมอพื้นชั้นบนเชื่อมกับที่ประทับ ณ พระที่นั่งสมุทรพิมานหมู่ใหม่ที่โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเพิ่มขึ้นโดยมีระเบียงต่อเนื่องกับพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ หอเสวย
และพระที่นั่ง ตลอดจนเรือนต่างๆ ในฝ่ายหน้าทั้งหมด
        พระราชานุกิจปรกติในวันที่ไม่ต้องเสด็จออกประกอบพระราชกรณียกิจของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะประทับ ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
เริ่มเมื่อบรรทมตื่นแล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงพระอักษร ณ ห้องเขียนซึ่งเป็นห้อง
ด้านชายทะเลติดกับห้องพระบรรทมในพระที่นั่งสมุทรพิมาน ใกล้เวลา ๑๔ นาฬิกา
จึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังหอเสวยของพระที่นั่งพิศาลสาคร และเสวยแบบไทย คือ
ประทับราบพระสุจหนี่ เสวยด้วยพระหัตถ์ โดยมีพนักงานฝ่ายในเชิญเครื่องเสวยมา
ตั้งถวายตามแบบแผนอย่างโบราณ
        ในช่วงก่อนค่ำพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดทรงกีฬาแบด
มินตันหรือคริกเกตกับข้าราชบริพารหรือข้าราชการฝ่ายหน้าหรือเสด็จลงสรงน้ำ
ทะเล นอกจากนี้ในช่วงบ่ายเกือบทุกวัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมสุวัทนา
ซึ่งกำลังตั้งครรภ์พระหน่อ มาเฝ้าทูลละอองธุลี พระบาท ณ ศาลาลงสรงฝ่ายหน้า
เพื่อมีพระราชกระแสกับพระราชกุมารในครรภ์ ส่วนตอนกลางคืน เวลา ๒๑ นาฬิกา
จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับเจ้าจอมสุวัทนา ณ พระที่นั่งสมุทรพิมานหมู่เดิม
แล้วทรงคล้องพระกรมาร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารค่ำแบบฝรั่ง ณ หอเสวยของ
หมู่พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นประจำเกือบทุกคืน ในบางครั้งมีพระบรมวงศ์เสด็จ
มาร่วมโต๊ะเสวย
        ปีเดียวกันนั้น ในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ในโอกาสครบรอบการราชาภิเษกสมรส
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ฝ่ายใน) แก่เจ้าจอมสุวัทนาและได้พระราชทาน
เลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ณ พระที่นั่งพิมานจักรี พระราชวังพญาไทแล้วเสด็จพระราช
ดำเนินไปทอดพระเนตรละครเรื่อง “พระเกียรติรถ” ณ สโมสรราชเสวกซึ่งข้าราชการ
กรมมหรสพจัดถวาย