สิ้นพระชนม์

        ในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๘ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
ประชวรเกี่ยวกับพระปับผาสะอักเสบ และมีโรคแทรกซ้อน กระทั่งสิ้นพระชนม์
ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เวลา ๑๗ นาฬิกา ๙ นาที ณ
โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร สิริพระชนมายุ ๘๐ พรรษาเศษ

        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไว้ทุกข์ในพระ
ราชสำนัก๑๕ วัน พระราชทานพระโกศทองน้อยทรงพระศพ ประดิษฐานภายใต้
ฉัตรโหมดทอง ๕ ชั้น ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามพร้อม
ทั้งเครื่องประกอบพระเกียรติตามพระอิสริยยศที่ทรงดำรงอยู่ครบทุกประการเมื่อ
อวสานแห่งการพระราชกุศลก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์หนังสือที่ระลึก
ในงานพระราชทานเพลิงพระศพพระราชทานแก่ผู้มาร่วมงาน ทั้งยังได้เสด็จ
พระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศ์
ทุกพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุหลวงหน้าพลับพลา
อิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ เวลา ๑๖.๓๐
นาฬิกา, ครั้นวันรุ่งขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทน
พระองค์ในการเก็บพระอัฐิ และการพระราชกุศลฉลองพระอัฐิในวันที่ ๑๐ มีนาคม,
แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระโกศพระอัฐิไว้ ณ หอพระนาก
ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และอีกส่วนหนึ่งประดิษฐานไว้ ณ วังรื่นฤดี

        ในวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน
พระบรมราชานุเคราะห์ในการบรรจุพระอังคาร โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสด็จแทนพระองค์ทรงบรรจุพระอังคาร
ณ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เริ่มพิธีตั้งแต่เวลา ๙.๓๐ นาฬิกา พระสงฆ์ทั้งนั้น
สดับปกรณ์ แล้วทรงบรรจุพระอังคารของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
ในรัชกาลที่ ๖ ณ ผนังพระวิหารเบื้องหลังพระร่วงโรจนฤทธิ์ เคียงข้างพระบรมราช
สรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งบรรจุไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
จากนั้น จึงทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของสมเด็จ
พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ ที่บรรจุพระอังคาร เป็นเสร็จการเมื่อเวลา
๑๐.๐๐ นาฬิกา