พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
        นับตั้งแต่ทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภา
พัณณวดีทรงได้รับพระมหากรุณาจากสมเด็จพระบรมราชบุพการีทุกพระองค์ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
นั้น ทรงพระเมตตาและพระราชทานพระราชูปถัมภ์แด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เป็น
พิเศษ เพราะทรงเห็นว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯทรงเป็นกำพร้าตั้งแต่พระชนมายุยัง
น้อย จึงทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ดูแลความเป็นอยู่ตลอดถึงภารกิจทั่วไปในพระองค์
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เสมอมาเป็นนิจ
        สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทั้งในพระราชสถานะที่
ทรงเป็นประมุขของพระราชวงศ์และในฐานะที่ทรงเป็นพระกุลทายาทในสมเด็จ
พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้มีพระราชปฏิบัติต่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นและ
งดงามบริบูรณ์ในทุกสถาน ไม่ว่าจะเป็นการพระราชทานพระเกียรติยศยกย่องตาม
พระอิสริยศักดิ์ หรือการเอาพระราชหฤทัยใส่ในการส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้า
ภคินีเธอฯ ให้ทรงพระสำราญทั้งพระวรกายพระหฤทัย และยังทรงไว้วางพระราช
หฤทัยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
แทนพระองค์ในงานพระราชพิธี รัฐพิธี หรือพิธีต่างๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังพระ
ราชทานพระบรมราชวโรกาสให้สมเด็จพระนางเจ้าภคินีเธอฯ ทรงร่วมในการพระราช
พิธีประจำปี เช่น พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา หรือการพระราชพิธีจร เช่น
พระราชพิธีรัชดาภิเษก พระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธยสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระราชพิธีกาญจนาภิเษก เป็นต้น รวมตลอด
ถึงงานพระราชทานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะสำคัญ เช่น การรับเสด็จสมเด็จ
พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ แห่งสหราชอาณาจักร เป็นอาทิ และไม่ว่าครั้งคราใด
ที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงจัดงานสำคัญ หรือพระราชทานพระอุปถัมภ์ใน
กิจการสาธารณกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินีนาถ ก็ได้พระราชทานพระมหากรุณาสนับสนุนเกื้อกูลกิจการนั้นรวมถึงทรง
รับเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในงานที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
ทรงจัด หรือทรงรับเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคาร หรือทรงร่วมงาน
การกุศลต่างๆ ที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงอุปถัมภ์บำรุงเสมอมา
        ในส่วนของการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่สมเด็จ
พระเจ้าภคินีเธอฯ ในวาระโอกาสต่างๆ เป็นนิจ เริ่มตั้งแต่สมัยที่เสด็จกลับประเทศไทย
เป็นการชั่วคราว ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๐๐ ได้ทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณ
รุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ฝ่ายใน) ถัดมาอีกเพียงไม่กี่เดือนในพระราชพิธี
ฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๐๑ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่อง
ราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) แด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ครั้นวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๑๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดตึกมงกุฎ – เพชรรัตน โรงพยาบาลจุฬา
ลงกรณ์สภากาชาดไทยซึ่งสร้างโดยทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
ในโอกาสนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเหรียญกาชาดสรรเสริญแด่
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯและพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ด้วย ปีเดียวกันนั้น
ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๑๐ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก และปีถัด
มาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่ง
มหาวชิรมงกุฎ ในวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราช
ทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษแด่สมเด็จ
พระเจ้าภคินีเธอฯ ในฐานะที่ทรงเป็นพระราชธิดาของพระผู้พระราชทานกำเนิด
ลูกเสือไทย และในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๓๘ พระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่ง
ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลใหม่แด่สมเด็จพระเจ้าภคินี
เธอฯ
        สำหรับพระยศทหารของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโดยลำดับมานับแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๑๒ พระราชทานยศเป็น พันโทหญิง ตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษในกองพันทหาร
ราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๕ แปรสภาพเป็นกรมทหารราบที่ ๑๕ ในปัจจุบัน ครั้นวันที่ ๑๓
กันยายน ๒๕๒๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเป็นนาย
ทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์และในวันที่ ๕ กันยายน
๒๕๓๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศทหารเป็นพันเอกหญิง นาวา
เอกหญิง นาวาอากาศเอกหญิง กับเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารม้าที่ ๑ รักษา
พระองค์ ประจำกองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ กรมยุทธศึกษา
ทหารเรือ และประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ
กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ
        ในด้านส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นพระราชธุระ พระราชทานเครื่องเสวยกลางวัน
และค่ำจากสวนจิตรลดาเป็นประจำทุกวัน กับให้มีพนักงานฝ่ายในเฝ้าถวายงานงาน
คราวละ ๒ คน เวรละ ๒๔ ชั่วโมง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีผลัด
เปลี่ยนกันเฝ้าเยี่ยม พร้อมอัญเชิญดอกไม้หรือผลไม้พระราชทานมาด้วยทุกวันอังคาร
นอกจากนี้ ยังทรงใส่พระราชหฤทัยในพระอนามัยของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
เป็นอย่างยิ่ง โดยจัดนางพยาบาลเฝ้าถวายการดูแล พร้อมบันทึกรายงานประจำวัน
ให้แพทย์ประจำพระองค์ทราบความเป็นไปโดยละเอียด เพื่อกำหนดการตรวจ
พระสุขภาพอนามัยได้อย่างสม่ำเสมอ เมี่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงพระประชวร
ก็เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยม นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม
บรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ยัง
เสด็จมาทรงเยี่ยมพระอาการอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ
        ในส่วนการถวายอารักขา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายตำรวจชั้นสัญญา
บัตรและชั้นประทวนเฝ้าถวายอารักขาตลอดเวลา ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ พลเอก ประพัทธ์ กุวานนท์ ดำรงตำแหน่งองครักษ์ประจำสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ตั้งแต่ปี ๒๕๑๔ เป็นต้นมา กระทั่งถึงแก่
อนิจกรรมในปี ๒๕๔๓
        ในศุภสมัยที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ เมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตั้งการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระชนมายุ ณ พระอุโบสถวัดพระศรี
รัตนศาสดาราม ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม
ราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ
ราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระเจ้าวรวงค์เธอ
พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ไปในการนั้น พร้อมกับพระราชทาน
พระบรมราชวโรกาสให้สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับ
พระราชทานน้ำพระมหาสังข์ และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๙ ชั้นที่ ๑ จากนั้น
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารกลางวัน ณ พระที่นั่ง
บรมพิมานในพระบรมมหาราชวัง
        สำหรับศุภวาระที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเจริญพระชนมายุ ๖ รอบ ในวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตั้งการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระชนมายุ ณ พระอุโบสถวัดพระศรี
รัตนศาสดาราม กับทั้งพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ และของขวัญ ณ พระ
ตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต
        ทุกคราวที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะมีพระราชดำรัสถามทรง
แสดงความห่วงใยในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ว่าทรงพระสำราญดีหรือต้องพระ
ประสงค์ประการใดเสมอ คราวหนึ่งเมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงพระประชวร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จ
พระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมพระอาการ ณ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้า
อยู่หัวได้มีพระราชปฏิสันถารในเรื่องเพลงและดนตรีกับสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ
เป็นที่ทรงพระสำราญเนื่องด้วยเป็นความสนพระราชหฤทัยร่วมกันทั้งสองพระองค์
        พระมหากรุณาธิคุณอันเป็นอเนกปริยายที่กล่าวแล้วนั้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์แก่
บรรดาข้าราชการบริพารและพสกนิกรทั้งหลาย และตระหนักอยู่ในพระทัยของสมเด็จ
พระเจ้าภคินีเธอฯ เสมอมาดังจะเห็นได้จากการที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงพระ
อุตสาหวิริยะ ปฎิบัติภารกิจน้อยใหญ่นานาประการ ด้วยความจงรักภักดีต่อพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นปฏิการะดังพระปณิธานที่ปรากฏในพระราชดำรัสซึ่งพระ
ราชทานแก่ผู้เฝ้าถวายชัยมงคล งานฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ พุทธศักราช ๒๕๒๘
ณ วชิราวุธวิทยาลัย ความตอนหนึ่ง ดังนี้
        “ฉันขอกล่าวต่อท่านทั้งปวงว่า จะพยายามบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์
แก่บ้านเมืองด้วยความจงรักภักดีต่อบ้านเกิด และต่อองค์พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นประมุขของชาติ ทั้งจะได้รักษาเกียรติศักดิ์แห่ง
ความเป็นราชนารี ในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ชั่วชีวิต”